กบฏTây Sơn: การลุกฮือต่อต้าน chế độ phong kiến và sự उदấy lên của một triều đại mới

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์เวียดนาม ย่อมรู้จัก “กบฏ Tây Sơn” เป็นอย่างดี เหตุการณ์ครั้งนี้ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสังคมและการเมืองของเวียดนามในศตวรรษที่ 18 การลุกฮือของชาวนาในภูมิภาคTây Sơn นำโดยพี่น้องตระกูลNguyễn Nguyễn Nhạc, Nguyễn Huệ และ Nguyễn Lữ ได้โค่นล้มราชวงศ์Trịnh-Nguyễn ซึ่งครองอำนาจมานานกว่า 200 ปี

เหตุการณ์ “กบฏ Tây Sơn” : จากการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม สู่การสถาปนาอาณาจักรใหม่

“กบฏ Tây Sơn” เริ่มต้นขึ้นเมื่อชาวนาในแคว้นTây Sơnลุกฮือต่อต้านการปกครองที่ไม่เป็นธรรมของเจ้า feudal และภาษีอากรที่หนักหน่วง พี่น้องตระกูลNguyễn ได้รวมกลุ่มชาวนาและขุนพลท้องถิ่น ก่อตั้งกองกำลัง “กบฏ Tây Sơn” ขึ้นในปี 1771

หลังจากการต่อสู้ครั้งสำคัญหลายครั้ง เช่น การยึดครองQuảng Nam, Huế และThăng Long (ปัจจุบันคือกรุงฮานอย) กบฏ Tây Sơn ก็สามารถโค่นล้มราชวงศ์Trịnh-Nguyễn ในปี 1788

ความสำเร็จของ “กบฏ Tây Sơn”: พี่น้องตระกูล Nguyễn นำพาเวียดนามสู่ยุคใหม่

• ** Nguyễn Nhạc:** ผู้ปกครองภาคเหนือ (Bắc Hà)

• ** Nguyễn Huệ ( Quang Trung ):** ผู้มีฝีมือทางทหารและกลยุทธ์ที่โดดเด่น เขาสามารถรวบรวมกองกำลัง และสร้างความสามัคคีให้กับชาวเวียดนาม

• Nguyễn Lữ: ผู้ปกครองภาคใต้ (Nam Hà)

ในช่วงเวลาสั้นๆ “กบฏ Tây Sơn” ประสบความสำเร็จอย่างมากในการสถาปนาอาณาจักรใหม่และนำพาประเทศเวียดนามเข้าสู่ยุคสมัยใหม่

“กบฏ Tây Sơn” : แง่มุมที่น่าสนใจ

• การต่อต้านอำนาจ phong kiến: “กบฏ Tây Sơn” เป็นตัวอย่างของการลุกฮือของประชาชนเพื่อต่อต้านระบบ phong kiếnและความอยุติธรรมในสังคม

• ความสามารถทางทหารของ Nguyễn Huệ: Nguyễn Huệ หรือที่รู้จักกันในนาม Quang Trung เป็นผู้นำที่มีความสามารถในการรบและกลยุทธ์ทางทหารที่เฉียบคม

• การรวมชาติเวียดนาม: “กบฏ Tây Sơn” ได้นำพาเวียดนามสู่ยุคสมัยใหม่ และสร้างความสามัคคีให้กับชาวเวียดนามหลังจากหลายศตวรรษของความแตกแยก

บทเรียนสำคัญจาก “กบฏ Tây Sơn”:

• การต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม: “กบฏ Tây Sơn” แสดงให้เห็นถึงพลังของประชาชนในการลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสิทธิและความเป็นธรรม
• ความสำคัญของความสามัคคี: ความสำเร็จของ “กบฏ Tây Sơn” เกิดขึ้นได้เพราะชาวเวียดนามสามารถรวมตัวกันเพื่อต่อต้านศัตรู

“กบฏ Tây Sơn” เป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำในประวัติศาสตร์เวียดนาม และยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นหลังในการต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมและความเท่าเทียม